ข้ามไปเนื้อหา

แม่น้ำไทกริส

พิกัด: 31°0′18″N 47°26′31″E / 31.00500°N 47.44194°E / 31.00500; 47.44194
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แม่น้ำไทกริส
แม่น้ำไทกริส ช่วงที่ไหลผ่านพื้นที่เกษตรกรรมนอกเมืองดียาร์บาคือร์ ประเทศตุรกี
ที่ตั้ง
ประเทศตุรกี, ซีเรีย, อิรัก
ภูมิภาคต้นน้ำที่สูงอาร์มีเนีย
เมืองเอลาซือ, ดียาร์บาคือร์, โมซูล, แบกแดด
ลักษณะทางกายภาพ
ต้นน้ำทะเลสาบฮาซาร์[1]
 • ตำแหน่งเกอลาร์ดือ ประเทศตุรกี
 • พิกัด38°29′0″N 39°25′0″E / 38.48333°N 39.41667°E / 38.48333; 39.41667
 • ระดับความสูง1,150 m (3,770 ft)
ปากน้ำชัฏฏุลอะร็อบ
 • ตำแหน่ง
อัลกุรนะฮ์ ประเทศอิรัก
 • พิกัด
31°0′18″N 47°26′31″E / 31.00500°N 47.44194°E / 31.00500; 47.44194
 • ระดับความสูง
1 m (3.3 ft)
ความยาว1,900 km (1,200 mi)
พื้นที่ลุ่มน้ำ375,000 km2 (145,000 sq mi)
อัตราการไหล 
 • ตำแหน่งแบกแดด
 • เฉลี่ย1,014 m3/s (35,800 cu ft/s)
 • ต่ำสุด337 m3/s (11,900 cu ft/s)
 • สูงสุด2,779 m3/s (98,100 cu ft/s)
ลุ่มน้ำ
ลำดับแม่น้ำชัฏฏุลอะร็อบอ่าวเปอร์เซีย
ระบบแม่น้ำระบบลำธารไทกริส–ยูเฟรติส
ลำน้ำสาขา 
 • ซ้ายการ์ซัน, โบตัน, คาบูร์, ซาบใหญ่, ซาบน้อย, อะซ็อยม์, จิซเร, ดิยาลา
 • ขวาทะเลสาบษัรษาร
[2][3]

ไทกริส (อังกฤษ: Tigris) เป็นแม่น้ำที่มีต้นน้ำอยู่ในเทือกเขาทางตะวันออกของประเทศตุรกี ยาวประมาณ 1,900 กิโลเมตร ไหลผ่านชายแดนประเทศซีเรีย เข้าดินแดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดิมหรือประเทศอิรักในปัจจุบัน แล้วมารวมกับแม่น้ำยูเฟรทีสใกล้เมืองบัสรา เกิดเป็นแม่น้ำใหม่คือ ชัฏฏุลอะร็อบ มีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ก่อนไหลลงสู่อ่าวเปอร์เซีย

การเดินเรือ[แก้]

แม่น้ำไทกริสเป็นเส้นทางที่สำคัญในประเทศทะเลทรายขนาดใหญ่เป็นเวลายาวนาน เรือน้ำตื้นสามารถเดินทางไปไกลถึงกรุงแบกแดด แต่ในการขนส่งทวนน้ำไปยังโมซูลจำเป็นต้องใช้แพ[4][5][6]

ศาสนาและเทพปกรณัม[แก้]

ในเทพปกรณัมซูเมอร์ แม่น้ำไทกริสสร้างขึ้นโดยเทพเอ็นกี ผู้ทรงให้น้ำไหลเต็มแม่น้ำ[7]

แม่น้ำไทกริสยังปรากฏในพันธสัญญาเก่าสองครั้ง โดยครั้งแรกปรากฏในหนังสือปฐมกาล ซึ่งระบุเป็นแม่น้ำที่สามจากแม่น้ำทั้งสี่ที่ไหลออกจากแม่น้ำที่มีต้นตอจากสวนเอเดน[8] ส่วนครั้งที่สองปรากฏในหนังสือดาเนียล ที่ดาเนียลกล่าวว่าตน "ยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทกริสซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่"[9]

ในศาสนาอิสลามกล่าวถึงแม่น้ำนี้ในฮะดีษเศาะฮีฮ์บุคอรีและมุสลิมว่า ในช่วงใกล้วันสิ้นโลก แม่น้ำจะแห้งลงและเปิดเผยกองทองคำ และจะมีการห้ามไม่ให้ใครเอาสิ่งนั้น[10]

อ้างอิง[แก้]

  1. Nicoll, Kathleen. "Geomorphic Evolution of the Upper Basin of the Tigris River, Turkey". University of Utah.
  2. Isaev, V.A.; Mikhailova, M.V. (2009). "The hydrology, evolution, and hydrological regime of the mouth area of the Shatt al-Arab River". Water Resources. 36 (4): 380–395. doi:10.1134/S0097807809040022. S2CID 129706440.
  3. Kolars, J.F.; Mitchell, W.A. (1991). The Euphrates River and the Southeast Anatolia Development Project. Carbondale: Southern Illinois University Press. pp. 6–8. ISBN 0-8093-1572-6.
  4. Namio Egami, "The Report of The Japan Mission For The Survey of Under-Water Antiquities At Qurnah: The First Season," (1971-72), 1-45, https://www.jstage.jst.go.jp/article/orient1960/8/0/8_0_1/_pdf.
  5. Larsen, M.T., The Conquest of Assyria: Excavations in an Antique Land, Routledge, 2014, pp 344-49
  6. "Mesopotamia, Tigris-Euphrates, 1914-1917, despatches, killed and died, medals". naval-history.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 November 2015. สืบค้นเมื่อ 28 November 2015.
  7. Jeremy A. Black, The Literature of Ancient Sumer, Oxford University Press, 2004, ISBN 0-19-926311-6, p. 220–221.
  8. ปฐมกาล 2:14
  9. ดาเนียล 10:4
  10. "Riyad as-Salihin 1822 - The Book of Miscellaneous ahadith of Significant Values - كتاب المنثورات والملح - Sunnah.com - Sayings and Teachings of Prophet Muhammad (صلى الله عليه و سلم)". sunnah.com. สืบค้นเมื่อ 2023-03-02.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

แม่แบบ:EB9 Poster