หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ (26 กันยายน พ.ศ. 2451 – 6 กันยายน พ.ศ. 2548) เป็นพระธิดาใน พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กับหม่อมราชวงศ์โต จิตรพงศ์ ป.จ.

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์
หม่อมเจ้า ชั้น 4
ประสูติ26 กันยายน พ.ศ. 2451
สิ้นชีพตักษัย6 กันยายน พ.ศ. 2548 (96 ปี)
ราชสกุลจิตรพงศ์
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
พระมารดาหม่อมราชวงศ์โต จิตรพงศ์

พระประวัติ

แก้

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ มีพระนามลำลองว่า ท่านหญิงอาม เป็นพระธิดาลำดับที่ 6 ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นลำดับที่ 2 อันประสูติแต่หม่อมราชวงศ์โต จิตรพงศ์ (ราชสกุลเดิม งอนรถ) ประสูติเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2451 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติที่ตำหนักเก้าห้องในบริเวณวังท่าพระ ถนนหน้าพระลาน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบิดาในขณะนั้น หม่อมเจ้าดวงจิตรมีโสทรภคินีและโสทรอนุชารวม 4 องค์ คือ[1]

การศึกษา

แก้

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ ทรงศึกษาในระยะแรกที่วังท่าพระ โดยหลวงสำเร็จวรรณกิจเป็นผู้ถวายการสอนพระโอรสธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ต่อมาทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อพระบิดาย้ายไปประทับที่ตำหนักปลายเนิน เป็นการถาวร หม่อมเจ้าดวงจิตรจึงทรงย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนเซนต์แมรี่ เอส.พี.จี. (Society for the Propagation of the Gospel) ถนนราชดำริ

การทรงงาน

แก้

ระหว่างที่หม่อมเจ้าดวงจิตรทรงศึกษาที่โรงเรียนเอสพีจีแมรี พระบิดาทรงกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งอภิรัฐมนตรี มีงานราชการเพิ่มมากขึ้น หม่อมเจ้าดวงจิตรจึงทรงลาออกจากโรงเรียน มาเป็นเลขานุการิณีในพระบิดาอย่างเต็มเวลา

หม่อมเจ้าดวงจิตรมักตามเสด็จพระบิดาไปในงานพระราชพิธีต่าง ๆ และยังตามเสด็จเวลาไปทรงงานราชการด้วย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์มีปัญหาเรื่องพระกรรณไม่ดี หม่อมเจ้าดวงจิตรต้องช่วยทูลเรื่องที่พระบิดาไม่ทรงได้ยินถนัดถวายเพิ่มเติม หม่อมเจ้าดวงจิตรจึงรู้จักข้าราชการกรมศิลปากรทุกคนในสมัยนั้น สามารถติดตามงานต่าง ๆ ถวายพระบิดาได้

ในการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้า พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 4 และ 5 เชิญทั้งเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร และเครื่องราชูปโภค ทั้งหมด 16 องค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยืนกลาง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงยืนเบื้องขวาพระองค์ แวดล้อมด้วยพระราชนัดดา ในรัชกาลที่ 4 และ 5 ทรงเชิญเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร และเครื่องราชูปโภค โดยหม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 4 เชิญพานพระศรี

นอกจากนี้ในคราวที่เกิดเหตุการณ์คณะทหารออกปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 เจ้านายสตรีบางพระองค์ก็ถูกนำไปเป็น “ตัวประกัน” ด้วยเช่นกัน เช่น หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร พระชายาในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ หม่อมเจ้าพัฒนายุ ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และหม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ พระธิดาในสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งล้วนเข้าไปอยู่ในพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อดูแลพระสวามีและพระบิดาที่ถูกนำไปเป็นตัวประกัน[2]

 
หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 4 เชิญพานพระศรี แถวหลังจากซ้ายไปขวา ลำดับที่ 9

งานอดิเรก

แก้

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ โปรดใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่เสมอ ทรงเริ่มงานประพันธ์ด้วยการแปลตำรากับข้าวจากหนังสือของมิสซิสบีตันไปลงพิมพ์ในหนังสือไทยเกษมและหนังสือนารีนาถ โปรดประพันธ์บทความและบทกลอนให้พรเป็นงานอดิเรก และนิพนธ์บทประพันธ์เพื่อใช้ในงานนักเรียนเก่าอังกฤษและงานนักเรียนเก่าอเมริกัน

งานนิพนธ์เรื่องสำคัญที่นิพนธ์ขึ้นได้แก่

  • หนังสือ "ป้าป้อนหลาน" เบื้องต้นนิพนธ์ขึ้นเพื่อประทานความรู้แก่หลาน ๆ พิมพ์ครั้งแรกเมื่องานฉลองชันษา 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2511 และได้นิพนธ์เพิ่มอีกสองชุด จากนั้นได้รวบรวมทั้งสามชุดมาพิมพ์ประทานในงานฉลองชันษา 90 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2541 และสุดท้ายได้นำมาพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพในปี พ.ศ. 2550 โดยหนังสือเล่มนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ถวายถ้วยรางวัลดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย
  • หนังสือ "ตาลปัตร ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์" พระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าดวงจิตร  จิตรพงศ์ กล่าวถึงเรื่องตาลปัตรกับกฎราชสำนักว่า "มีประเพณีมาแต่ดั้งเดิมว่า พระราชาคณะซึ่งได้รับพระราชทานตาลปัตรแฉกเป็นพัดยศเมื่อได้รับนิมนต์ ให้เข้าไปเทศน์ถวาย จะต้องนำตาลปัตรเข้าไป 2 เล่ม คือ พัดแฉก ที่ได้รับพระราชทานเล่มหนึ่งกับพัดรองอีกเล่มหนึ่งในขณะที่ขึ้นไปบนธรรมาสน์นั้น จะถือพัดแฉกไม่ได้ ต้องถือพัดรองขึ้นไปถวายศีลแทนต่อเมื่อเทศน์แล้ว กลับลงมานั่งยังอาสน์จะถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก จึงให้ใช้พัดยศ ประเพณีนี้ในปัจจุบันมีระบุไว้ในกฎพระราชสำนักว่าพัดยศนั้น พระสงฆ์จะนำมาใช้ได้ เฉพาะงานพระราชพิธี ที่มีการถวายอนุโมทนาถวายอดิเรกเท่านั้น" ตาลปัตร เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับตาลปัตรและพัดรองฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่ทรงออกแบบสำหรับใช้ในงานพระราชพิธีและงานพิธีของผู้มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา ผลงานฝีพระหัตถ์เหล่านี้นับเป็นแบบอย่างของงานประณีตศิลป์ชั้นเยี่ยมประเภทหนึ่งของสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมราชวงศ์โต จิตรพงศ์ พระชายาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยหม่อมเจ้าหญิงดวงจิตร จิตรพงศ์ เป็นผู้รวบรวม และหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ ถ่ายภาพ
  • พระนิพนธ์เรื่อง "สมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยานิรศรานุวัดติวงศ์ ผู้ได้รับพระราชทานสร้อยพระนามว่า "สังคีตวาทิตวิธีวิจารณ์"" พิมพ์ในหนังสือครบรอบ 100 ปี เพลงเขมรไทรโยค วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2531 ถึงวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2531 ที่ระลึกในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ในงานเฉลิมฉลอง 100 ปี เพลงเขมรไทรโยค ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน 2531 หน้า 74-82

สิ้นชีพตักษัย

แก้

หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2548 สิริชันษา 96 ปี ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พุทธศักราช 2550

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

พงศาวลี

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์มหามกุฎราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรสธิดา พระราชนัดดา. กรุงเทพ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, พ.ศ. 2547. หน้า หน้าที่. ISBN 974-272-911-5
  2. การทรงงาน
  3. "แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ประจำปี 2527" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 101 (ตอนที่ 67ง ฉบับพิเศษ): 9. 24 พฤษภาคม 2527.
  4. "ประกาศกระทรวงวัง เรื่อง การประดับเสมาบรมราชาภิเษก" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 43: หน้า 3719. 16 มกราคม 2470.