ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยเซฟ (บุตรยาโคบ)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
M-Bot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำอัตโนมัติ (-[[ภาพ: +[[ไฟล์:) ด้วยบอต
M-Bot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำอัตโนมัติ (-<references/> +{{รายการอ้างอิง}}) ด้วยบอต
บรรทัด 67: บรรทัด 67:


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
<references/>
ในอิสลาม โยเซฟก็คือ นบียูซุบ ยาคอบก็คือ นบีย๊ะกุ๊บ
ในอิสลาม โยเซฟก็คือ นบียูซุบ ยาคอบก็คือ นบีย๊ะกุ๊บ



รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:59, 5 พฤษภาคม 2553

โยเซฟ (Joseph) เป็นบุตรชายคนที่ 11 ของยาโคบ กับนางราเชล โยเซฟเป็นบุตรคนสุดท้ายของยาโคบ ที่เกิดในเมืองปัดดานอาร้ม โยเซฟมักนำเอาความผิดของพี่ ๆ ไปบอกบิดา จึงถูกพี่ ๆ ชัง และอิจฉา จึงถูกขายไปยังอียิปต์ และภายหลังโยเซฟได้มีโอกาสถวายงานให้ฟาโรห์จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ และได้ช่วยให้อิสราเอลได้เข้าไปพำนักในอียิปต์ช่วงที่เกิดการกันดารอาหาร

โยเซฟขณะถูกจับไปขายเป็นทาส วาดโดย คอนสแตนติน ฟลาวิสกี้
โยเซฟขณะถูกจับไปขายเป็นทาส
วาดโดย เฟดเดอริก โอเวอร์เบก
ปี พ.ศ. 2160-2161
โยเซฟพยายามหลบหนีภรรยาของโปทิพาร์
วาดโดย ฟิลลิป เวียต
ปี พ.ศ. 2160-2161
โยเซฟแก้ฝันให้แก่พนักงานขนม และพนักงานน้ำองุ่นในคุกหลวง
โยเซฟแก้พระสุบินให้แก่ฟาโรห์
โยเซฟพบกับครอบครัวในประเทศอียิปต์

ชีวิตวัยเด็ก

โยเซฟ เป็นบุตรคนที่ 11 ของยาโคบ และนางราเชล เดิมทีนางราเชลเป็นหมัน จนกระทั่งเมื่อพระเจ้าทรงสดับฟังเสียงของนาง ภายหลังจากยาโคบมีบุตรกับภรรยาอื่น ไปแล้วถึง 10 คน นางราเชลจึงได้รับพระพรจากพระเจ้าให้ตั้งครรภ์ นางจึงตั้งชื่อลูกชายคนแรกของนางว่า โยเซฟ[1] เพราะพระเจ้าทรงโปรดเพิ่มบุตรชายให้แก่นาง[2] ครั้นเมื่อจาคอปย้ายไปอยู่ในแผ่นดินคานาอันแล้ว ยาโคบรักโยเซฟมาก เนื่องจากโยเซฟเกิดมาเมื่อท่านมีอายุมากแล้ว โยเซฟมักนำความผิดของพี่ๆ ไปบอกแก่บิดา จึงถูกชัง ถูกอิจฉา และพูดดีกับเขาไม่ได้

เมื่ออายุ 17 ปี โยเซฟตามพวกพี่ ๆ ไปเลี้ยงแกะที่เมืองเชเคม พวกพี่ชายคิดจะฆ่าเขา แต่รูเบนได้ช่วยพูดไว้ โยเซฟจึงถูกขายให้เป็นทาสในประเทศอียิปต์ ฝ่ายพี่ๆ นำเสื้อผ้าของโยเซฟไปจุ่มเลือดแกะ และบอกบิดาว่า พบเสื้อของโยเซฟระหว่างทาง ทำให้ยาโคบเข้าใจว่าโยเซฟตายแล้ว[3]

โยเซฟกับโปทิฟาร์

เมื่อโยเซฟถูกขายไปยังอียิปต์นั้น โปทิฟาร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ ได้ซื้อโยเซฟไว้ โยเซฟรับใช้ถูกใจโปทิฟาร์ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลทั้งหมด และโยเซฟมิเคยแตะต้องทรัพย์สมบัติของโปทิฟาร์เลย

ด้วยเป็นหน้าตาดี ภรรยาของโปทิฟาร์จึงมองด้วยความปฏิพัทธ์ เมื่อสบโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน นางจึงชวนโยเซฟให้ร่วมหลับนอนกับนาง แต่โยเซฟสามารถหลบเลี่ยงได้ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งนางคว้าเสื้อผ้าของโยเซฟไว้ได้ จึงแจ้งแก่โปทิฟาร์ว่าโยเซฟปลุกปล้ำตนเอง จึงนำโยเซฟไปจำไว้ที่คุกหลวงโดยมิได้ไต่สวนแต่อย่างใด

โยเซฟแก้ความฝันนักโทษ

เมื่อโยเซฟไปอยู่ในคุกหลวง พระเจ้าก็ยังทรงอยู่กับเขา เป็นเหตุให้พัศดีเมตตา และมอบนักโทษทั้งปวงที่ในเรือนจำให้อยู่ในความดูแลของเขา ต่อมาหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น และหัวหน้าพนักงานขนมขององค์ฟาโรห์ทำผิด และถูกส่งมาอยู่ในคุกหลวงนี้ โยเซฟจึงได้รับคำสั่งให้ปรนนิบัติทั้งสองคน คืนหนึ่งทั้งสองคนฝันกันคนละเรื่อง คนละความหมาย แต่ไม่มีผู้ใดแก้ความฝันให้ได้ โยเซฟจึงขอแก้ฝันให้

ความฝันของหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นมีว่า เขาฝันเห็นเถาองุ่นตรงหน้า เถาองุ่นนั้นมี 3 กิ่ง พองอกใบอ่อนดอกตูม ก็มีดอกบานออกมา และช่อองุ่นก็สุก พนักงานคนดังกล่าวก็นำจอกของฟาโรห์มาและบีบลูกองุ่นนั้นลงในจอก และวางจอกองุ่นนั้นในพระหัตถ์ของฟาโรห์ ซึ่งโยเซฟก็แก้ความฝันได้ว่า ฟาโรห์จะยกตำแหน่งคืนให้แก่หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นภายใน 3 วัน ก็เป็นดังนั้น

ความฝันของพนักงานขนมมีว่า เขาเห็นกระจาด 3 ใบตั้งอยู่บนศีรษะของตน ใบกระจาดมีขนมสารพัดสำหรับฟาโรห์ แล้วมีนกมาจิกกินขนมในกระจาดนั้น โยเซฟก็แก้ความฝันว่าภายใน 3 วัน หัวหน้าพนักงานขนมจะถูกประหาร และนำร่างไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ให้นกกากิน ก็เป็นดังนั้น

โยเซฟแก้พระสุบินฟาโรห์

หลังจากเหตุการณ์ที่โยเซฟทำนายฝันในคุกผ่านไป 2 ปี ฟาโรห์ทรงมีพระสุบิน 2 เรื่องที่แตกต่างกัน และเมื่อทรงเรียกโหร และปราชญ์ทั้งปวงมาเฝ้า ก็ไม่มีผู้ใดสามารถแก้พระสุบินได้เลย พระสุบินของฟาโรห์ทั้งสองเรื่องเป็นดังนี้

เรื่องที่ 1 ฟาโรห์ทรงประทับยืนริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ก็มีโคอ้วนพีเจ็ดตัวขึ้นมาจากแม่น้ำ ยืนกินใบอ้ออยู่ แล้วก็มีโคอีกเจ็ดตัวตามขึ้นมาจากแม่น้ำ แต่เป็นวัวที่ไม่งาม ซูบผอมมาก วัวทั้งเจ็ดตัวนี้ก็กินวัวอ้วนพีทั้งหมด และเมื่อกินเข้าไปแล้ววัวทั้งเจ็ดตัวก็ไม่ได้อ้วนขึ้นแต่อย่างใด

เรื่องที่ 2 ฟาโรห์ทรงเห็นต้นข้าว 1 ต้น มีรวงข้าวงอกออกมา 7 รวง แต่ละเมล็ดเต่ง และงามดี ต่อมามีรวงข้าวงอกออกมาอีก 7 รวง เป็นข้าวเหี่ยวลีบ และเกรียมเพราะลมตะวันออก รวงข้างลีบก็กลืนกินรวงข้าวดีทั้งหมดไปเสียสิ้น

เมื่อโยเซฟได้ฟัง ก็ทำนายฝันว่า ทั้งสองเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ประเทศอียิปต์จะมีอาหารบริบูรณ์ทั่วประเทศ เป็นเวลา 7 ปี หลังจากนั้นจะเกิดการกันดารอาหารใหญ่เป็นเวลา 7 ปี จนประชาชนจะลืมความบริบูรณ์ใน 7 ปีแรกเสียสิ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ โยเซฟยังได้เสนอแนะให้ฟาโรห์แต่งตั้งบุคคลที่มีปัญญา และเป็นคนดีมาเป็นผู้ปกครองอียิปต์ และเก็บผลผลิตในตลอด 7 ปีที่อุดมสมบูรณ์นี้ไว้เพื่อใช้ใน 7 ปีที่ทุรกันดาร ฟาโรห์จึงทรงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ตั้งแต่นั้นมา[4]

โยเซฟพบกับพี่ชาย

เมื่อเกิดการกันดารอาหารอย่างหนักตามอย่างที่โยเซฟทำนายฝันให้องค์ฟาโรห์นั้น แต่อียิปต์มีอาหารอุดมสมบูรณ์เนื่องจากโยเซฟได้เก็บอาหารไว้มากมายตามหัวเมืองต่าง ๆ[5] เช่นเดียวกันในคานาอัน ก็เกิดการกันดารอาหารขึ้น เมื่อยาโคบทราบว่า มีข้าวในอียิปต์จึงให้ลูก ๆ ไปซื้อข้าวจากที่นั่น แต่ไม่ให้เบนยามินไปด้วย[6]

เมื่อบรรดาบุตรชายของยาโคบเดินทางไปซื้อข้าว โยเซฟ เป็นผู้ขายข้าวและจำพี่ ๆ ได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จ้ก และจับพวกพี่ ๆ ขังคุกไว้โดยให้ข้อหาว่าเป็นพวกสอดแนม เมื่อผ่านไป 3 วัน จึงได้จับสิเมโอนไว้ และให้พี่ๆ ที่เหลือไปนำน้องคนสุดท้องมาเพื่อยืนยันว่ามิได้เป็นพวกสอดแนมจริง แล้วปล่อยพวกพี่ๆ ที่เหลือกลับไปพร้อมข้าวและเงินค่าข้าวที่ได้รับมา[7]

ครั้นกลับมาถึงคานาอัน บรรดาลูก ๆ ก็แจ้งต่อยาโคบถึงเรื่องที่ได้เจอในอียิปต์ และเรื่องของสิเมโอนที่ถูกจับกุมไว้ ทั้งเรื่องที่ต้องนำตัวเบนยามินด้วย แต่ยาโคบรักเบนยามิน จึงไม่ยอมให้เขาไป พวกลูก ๆ จึงรั้งอยู่ที่คานาอัน จนกระทั่งข้าวที่ซื้อมาใกล้หมดลง ยาโคบจึงใช้ให้ลูก ๆ ไปซื้อข้าวจากอียิปต์อีกครั้ง แต่ลูก ๆ แจ้งว่าต้องนำตัวเบนยามิน ไปด้วย สุดท้ายยาโคบจึงยอมให้เบนยามินไปกับพวกพี่ ๆ พร้อมทั้งได้จัดผลผลิตอย่างดีที่สุดของคานาอัน พร้อมด้วยเงินมากกว่าครั้งก่อนไปด้วย เพื่อมอบให้แก่เจ้านายอียิปต์[8]

ครั้นเมื่อพวกพี่ ๆ เดินทางไปถึงอียิปต์ โยเซฟจึงให้เชิญไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน พร้อมทั้งได้ปล่อยตัวสิเมโอนออกมา และจัดข้าวบรรจุกระสอบให้พวกพี่ แต่สั่งให้คนรับใช้นำจอกเงินของตนใส่ในปากกระสอบของเบนยามินด้วย ครั้นเมื่อพวกลูกๆ ของยาโคบเดินทางกลับ โยเซฟจึงให้คนตามไปและแจ้งว่ามีผู้ขโมยจอกเงินมา เมื่อค้นจึงเจอในกระสอบของเบนยามิน ทั้งหมดจึงกลับไปยังบ้านโยเซฟอีกครั้ง และในครั้งนี้เองโยเซฟจึงได้เผยตัวให้พี่ๆ ได้รู้ และข่าวญาติๆ ของโยเซฟมาก็ไปถึงพระกรรณฟาโรห์ จึงรับสั่งให้จัดรถไปรับครอบครัวของโยเซฟมาอยู่ ณ เมืองโกเชน ประเทศอียิปต์ด้วยกัน[9]

ยาโคบเดินทางไปอียิปต์

เมื่อยาโคบเดินทางไปอียิปต์นั้น ฟาโรห์ทรงให้คนในครอบครัวของยาโคบเป็นหัวหน้ากองเลี้ยงสัตว์ของอียิปต์ และให้อยู่ในเมืองที่ดีที่สุดในประเทศอียิปต์ โยเซฟจึงมอบให้บรรดาอิสราเอลอยู่ในเมืองราเมเสส เมื่อเดินทางมายังอียิปต์นั้น ครอบครัวของยาโคบ ไม่นับรวมภรรยาของลูก ๆ เป็นจำนวน 66 คน และเมื่อนับรวมกับโยเซฟที่อยู่ในอียิปต์แล้ว อิสราเอลเดินทางเข้าอียิปต์ในเวลานั้นเพียง 70 คน[10]

ยาโคบได้อาศัยอยู่ในอียิปต์ จนวาระสุดท้ายของท่าน แต่เมื่อท่านเสียชีวิตนั้น ท่านให้นำร่างของท่านไปฝังในอุโมงค์ ในดินแดนคานาอันรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ฝ่ายโยเซฟนั้นอยู่ได้ถึงอายุ 110 ปี และก่อนท่านสิ้นใจนั้น ได้บอกแก่บรรดาพี่น้องของท่านว่า "...พระเจ้าคงจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านและพาออกไปจากประเทศนี้...แล้วท่านต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่"[11]

คำพยากรณ์ของจาคอปมีต่อโยเซฟ

ก่อนจาคอปจะเสียชีวิต ได้กล่าวคำพยากรณ์ที่มีต่อบุตรชายทั้ง 12 คนของเขา ซึ่งจะกล่าวถึงลักษณะของเผ่าทั้ง 12 เผ่าของอิสราเอลในอนาคต ดังนี้

  • โยเซฟเป็นกิ่งที่เกิดผล เป็นกิ่งที่เกิดผลอยู่ริมน้ำพุ มีกิ่งพาดข้ามกำแพง
    พวกทหารธนูโจมตีเขาอย่างโหดร้าย ทั้งยิงและข่มขู่เขา
  • แต่ธนูของเขาเองยืนหยัดต่อสู้ ลำแขนของเขามีกำลังขึ้น
  • โดยพระหัตถ์ของพระผู้ทรงเดชานุภาพของยาโคบ (โดยพระนามของผู้เลี้ยงแกะคือศิลาแห่งอิสราเอล)
  • โดยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้า โดยพระเจ้าองค์ทรงศักดานุภาพใหญ่ยิ่ง ผู้ทรงอวยพระพรแก่เจ้า
  • ด้วยพระที่มาจากฟ้าเบื้องบน พรที่มาจากใต้ทะเลเบื้องล่าง พรที่มาจากนมและครรภ์
  • ส่วนพรที่มาจากบิดาของเจ้า ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าพรที่มาจากภูเขาถาวร คือจากความสมบูรณ์แห่งเนินเขาเนืองนิตย์
  • ขอพรเหล่านั้นอยู่บนศีรษะของโยเซฟ และอยู่เบื้องบนหน้าผากของผุ้ที่ต้องพรากจากพี่น้อง[12]

พงศ์พันธุ์ของโยเซฟ

โยเซฟ แต่งงานกับนางอาเสนัท บุตรีของโปทิเฟรา ปุโรหิตเมืองโอน มีบุตรชาย 2 คน ได้แก่ มนัสเสห์[13] และเอฟราอิม[14] ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มักจะไม่เรียกลูกหลานของโยเซฟ ว่า เป็นเผ่าโยเซฟ แต่จะแบ่งลูกหลานของโยเซฟออกเป็น 2 เผ่า ตามชื่อบุตรชายของท่าน โดยเฉพาะในช่วงการแบ่งการปกครองในพระธรรมอพยพ และการแบ่งดินแดนคานาอันในสมัยของโยชูวา

คำอวยพรของยาโคบต่อมนัสเสห์ และเอฟราอิม

ก่อนยาโคบจะเสียชีวิต โยเซฟได้นำมนัสเสห์ และเอฟราอิม ไปหาบิดา ยาโคบได้อวยพรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ โดยบอกว่า "...บุตรทั้งสองของโยเซฟที่เกิดในประเทศอียิปต์ก่อนยาโคบจะมาพบ ก็เสมือนเป็นบุตรของยาโคบ เช่นเดียวกับบุตรคนอื่น ๆ ของยาโคบ ส่วนบุตรคนอื่นๆ ของโยเซฟ จะได้ชื่อตามมนัสเสห์ และเอฟราอิม..."[15] และยังบอกอีกว่า "...อย่างไรก็ดี น้องชายจะใหญ่โตกว่าพี่ชาย และพงศ์พันธุ์ของน้องนั้นจะได้เป็นคนหลายประชาชาติด้วยกัน..." ด้วยเหตุนี้ อิสราเอลจึงยกให้มนัสเสห์ และเอฟราอิม เป็นเผ่าเทียบเท่าบุตรคนอื่นๆ ของจาคอปนั่นเอง

อ้างอิง

  1. แปลว่า พระองค์ทรงเพิ่ม
  2. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 30 ข้อ 22-24
  3. พระธรรมปฐมกาลบทที่ 37
  4. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 41
  5. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 41 ข้อที่ 46-47
  6. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 42 ข้อที่ 1-5
  7. พระธรรมปฐมกาลบทที่ 42
  8. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 43
  9. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 44-47
  10. พระธรรมปฐมกาลบทที่ 47
  11. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 50
  12. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 49 ข้อ 22-26
  13. แปลว่าการทำให้ลืม
  14. แปลว่ามีลูกดก
  15. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 48

ในอิสลาม โยเซฟก็คือ นบียูซุบ ยาคอบก็คือ นบีย๊ะกุ๊บ

ดูเพิ่ม

บุตรของยาโคบ ตามชื่อภรรยา (ญ = บุตรสาว)
(ตัวเลขในวงเล็บคือลำดับของการเกิด)
เลอาห์ รูเบน (Reuben) (1) สิเมโอน (Simeon) (2) เลวี (Levi) (3) ดีนาห์ (Dinah) (ญ)
ยูดาห์ (Judah) (4) อิสสาคาร์ (Issachar) (9) เศบูลุน (Zebulun) (10)
ราเชล โยเซฟ (Joseph) (11) เบนยามิน (Benjamin) (12)
เอฟราอิม บุตรโยเซฟ (11.1) มนัสเสห์ บุตรโยเซฟ (11.2)
บิลลาห์
(สาวใช้นางราเชล)
ดาน (Dan) (5) นัฟทาลี (Naphtali) (6)
ศิลปาห์
(สาวใช้นางเลอาห์)
กาด (Gad) (7) อาเชอร์ (Asher) (8)