ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สุรเชชษฐ์ หักพาล"
Kelos omos1 (คุย | ส่วนร่วม) ปรับข้อมูลเรื่องการโยกย้ายและกลับมา/เพิ่ม reference/ลบข้อมูลการศึกษาที่ไม่มีการอ้างอิงออกไป/ลบข้อความไม่เป็นกลางเกี่ยวกับคำสั่งย้ายออกไป |
|||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
สุรเชษฐ์ หักพาล ชื่อเล่น โจ๊ก เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์) สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล [[โรงเรียนกลับเพชรศึกษา]]ซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้ สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม [[โรงเรียนวิเชียรชม]] สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจาก[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ]] และ[[โรงเรียนเตรียมทหาร]] รุ่นที่ 31 ระดับชั้นปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สำเร็จการศึกษาจาก[[โรงเรียนนายร้อยตำรวจ]] รุ่นที่ 47 ระดับปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบันฑิต สาขา[[อาชญาวิทยา]]และการบริหารงานยุติธรรม จาก[[มหาวิทยาลัยมหิดล]] และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขา[[รัฐประศาสนศาสตร์]] จาก[[มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย |
สุรเชษฐ์ หักพาล ชื่อเล่น โจ๊ก เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์) สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล [[โรงเรียนกลับเพชรศึกษา]]ซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้ สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม [[โรงเรียนวิเชียรชม]] สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจาก[[โรงเรียนมหาวชิราวุธ]] และ[[โรงเรียนเตรียมทหาร]] รุ่นที่ 31 ระดับชั้นปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สำเร็จการศึกษาจาก[[โรงเรียนนายร้อยตำรวจ]] รุ่นที่ 47 ระดับปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบันฑิต สาขา[[อาชญาวิทยา]]และการบริหารงานยุติธรรม จาก[[มหาวิทยาลัยมหิดล]] และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขา[[รัฐประศาสนศาสตร์]] จาก[[มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย]]<ref name =jakdow/><ref name = komchadluek1>[http://www.komchadluek.net/news/crime/368151 ชะตาชีวิต "นายพล" คนดัง "สุรเชษฐ์ หักพาล" ในเส้นทางสีกากีก่อนถูกสั่งย้ายด่วนเข้ากรุ]</ref> |
||
== การทำงาน == |
== การทำงาน == |
||
บรรทัด 48: | บรรทัด 48: | ||
ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยนาย[[วิษณุ เครืองาม]] รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าคำสั่งนี้ออกมาเนื่องจากมีการร้องเรียน จึงต้องเตือนไว้ก่อน<ref name=thaipost1>[https://www.thaipost.net/main/detail/55478 บิ๊กช้างย่องเงียบ ดอดรายงานตัว หึ่ง‘โจ๊ก’งานเข้า]</ref> |
ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยนาย[[วิษณุ เครืองาม]] รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าคำสั่งนี้ออกมาเนื่องจากมีการร้องเรียน จึงต้องเตือนไว้ก่อน<ref name=thaipost1>[https://www.thaipost.net/main/detail/55478 บิ๊กช้างย่องเงียบ ดอดรายงานตัว หึ่ง‘โจ๊ก’งานเข้า]</ref> |
||
28 ม.ค.2563 หลังจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือลา เพื่อขอบวชทดแทนคุณ พ่อแม่ ที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และได้เข้าพิธีอุปสมบถ อย่างเรียบง่าย และได้รับฉายาว่า "สุรเชฏฺฐโพธิ" แปลว่า ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้ ซึ่งเจริญที่สุดด้วยความกล้าหาญ แล้วนั้น ในโอกาสนี้จะขอย้อนทวนผลงานในรอบ 2-3 ปี ที่ผ่านมาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นายตำรวจที่ร้อนแรงในหน้าสื่อคนหนึ่งก่อน ถูกย้าย ถูกยิงรถ ถูกคำสั่งนายกฯ ห้ามประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำการอันเป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ จนถึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ที่อินเดียนี้ โดยจะบวชเป็นเวลา 9 วัน |
|||
ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือลากิจเพื่อขอบวชที่[[วัดไทยพุทธคยา]] [[ประเทศอินเดีย]] เป็นเวลา 9 วัน<ref name=matichon4>[https://www.matichonweekly.com/column/article_271450 อาชญากรรม | หนีร้อนไปพึ่งเย็น “บิ๊กโจ๊ก” ลาบวช ศึก “สีกากี” นี้วุ่นวายหนอ?]</ref> และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2563 |
|||
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ คืออดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ยังเคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ก่อนที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายเขาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ปี 62 |
|||
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม กรณีถูกย้ายจาก ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น เป็นการใช้สิทธิ์ฟ้องตามกฎหมาย เนื่องจากคำสั่งโยกย้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงนาม เมื่อ 1 ปี 5 เดือนที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นธรรม เพราะไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดแต่อย่างใด ไม่ว่าจะโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) หรือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นอกจากนั้น ยังเป็นการย้ายขาดจากต้นสังกัดเดิม ซึ่งถือเป็นการขัดระเบียบ |
|||
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายในคำสั่งเดียวกันกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กว่า 70 คน ส่วนใหญ่ได้ถูกสอบสวนตามระเบียบและถูกย้ายกลับต้นสังกัดเดิมเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คน รวมทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ด้วย ที่ยังไม่ได้ถูกส่งตัวกลับหน่วยต้นสังกัดเดิม ดังนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้ส่งทนายยื่นฟ้องนายกฯ ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้มีการแก้ไขคำสั่งใหม่ และทำตามระเบียบให้ถูกต้อง |
|||
ในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม กรณีถูกย้ายจาก ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ไม่รับคำฟ้องและจำหน่ายคดีออก เนื่องจากเห็นว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ขอให้พิจารณามีคำสั่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการดังเดิม แต่เนื่องจากยังไม่พ้นกำหนด 90 วันนับตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือ จึงถือว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้ยื่นฟ้องศาลไว้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี<ref name=manager1>[https://mgronline.com/uptodate/detail/9630000120883 ศาลไม่รับฟ้องคดี"บิ๊กโจ๊ก"ฟ้องนายกฯ-ปลัด สปน.สั่งย้ายมิชอบ]<ref name = thairath2>[https://www.thairath.co.th/news/politic/1982507 ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้อง “บิ๊กโจ๊ก” ยื่นฟ้อง “บิ๊กตู่” กรณีคำสั่งย้าย]</ref> |
|||
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมาพบกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันนั้น |
|||
===การกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ=== |
===การกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ=== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:22, 13 เมษายน 2564
สุรเชษฐ์ หักพาล | |
---|---|
ที่ปรึกษา (สบ.9) | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 27 มีนาคม 2564 | |
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2561 – 9 เมษายน 2562 | |
ก่อนหน้า | พลตำรวจโท สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น |
ถัดไป | พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 จังหวัดสงขลา ประเทศไทย |
คู่สมรส | ดร.ศิรินัดดา หักพาล |
บุพการี |
|
การศึกษา | โรงเรียนมหาวชิราวุธ โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มหาวิทยาลัยมหิดล (ปริญญาโท สังคมศาสตร์มหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย (ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต)[1] |
ศิษย์เก่า | โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | สำนักงานตำรวจแห่งชาติ |
ประจำการ | 2537–2562, 2564-ปัจจุบัน |
ยศ | |
บังคับบัญชา | สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสายตรวจและปฏฺบัติการพิเศษ ตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ |
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก (เกิด 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513) เป็นนายตำรวจชาวไทย ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ 9) อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง[2] อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)[1] และผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ)[3][4] นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว รองผู้บังคับการจังหวัดสงขลา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา และ ผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)[1] พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายเขาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งปัจจุบันเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562[5][6] ปัจจุบันได้โอนย้ายกลับมารับราชการที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้ว
ประวัติ
สุรเชษฐ์ หักพาล ชื่อเล่น โจ๊ก เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์) สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล โรงเรียนกลับเพชรศึกษาซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้ สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม โรงเรียนวิเชียรชม สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ และโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 ระดับชั้นปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 ระดับปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบันฑิต สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย[1][7]
การทำงาน
เริ่มต้นรับราชการตำรวจ
ร.ต.ต. สุรเชษฐ์ ในขณะนั้น เริ่มรับราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 จนได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเป็นสารวัตรในกองวินัย ต่อมาเป็นสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 และสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 3 จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 จนได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 และเป็นผู้ช่วยนายเวรตำรวจราชสำนักประจำให้กับ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547[8][9]
ระดับผู้กำกับการ
หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตำรวจเอก พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ในขณะนั้น ได้รับตำแหน่งผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ[9] จนกระทั่งวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552 จึงได้เป็นผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์[8] ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ได้เป็นผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 10 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 ถูกส่งไปเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จนได้เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา[9] และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลาที่เป็น 'พื้นที่สีแดง' เสี่ยงต่อภัยความไม่สงบบริเวณชายแดนภาคใต้[5]
ระดับผู้บังคับการและผู้บัญชาการ
ในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพลตำรวจตรี ในตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ[10][11]ทำหน้าที่ประสานงานกับนายกรัฐมนตรี รายงานต่อ พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากในทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557[9][5] ในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว[12]จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ[13]จนกระทั่งวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560 เข้ามาทำหน้าที่รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560[14]จนวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพลตำรวจโท และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง[15][16]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คำสั่งย้าย
ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย จนวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี[8][9] และให้ถูกเพิ่มรายชื่อในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เพื่อได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เนื่องด้วยมีมูลกรณี เมื่อถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน[17]
ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2563 รถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ถูกยิง ณ บริเวณถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. โดยในขณะนั้น พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไม่ได้อยู่ภายในรถ[18] โดย พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ รวมถึงสื่อหลายแห่งได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์นี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับความผิดปกติในโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์และโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยกล่าวหาว่าบริษัทผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด แต่ สตช. ตรวจรับงานไว้ก่อน ทำให้ผู้รับจ้างไม่ต้องเสียค่าปรับ[19][20][21] ในขณะอีกส่วนหนึ่งก็ตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นการจัดฉากโดย พล.ต.ท. สุรเชษฐ์เอง[22]
ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าคำสั่งนี้ออกมาเนื่องจากมีการร้องเรียน จึงต้องเตือนไว้ก่อน[23]
ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือลากิจเพื่อขอบวชที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นเวลา 9 วัน[24] และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2563
ในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม กรณีถูกย้ายจาก ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ไม่รับคำฟ้องและจำหน่ายคดีออก เนื่องจากเห็นว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ขอให้พิจารณามีคำสั่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการดังเดิม แต่เนื่องจากยังไม่พ้นกำหนด 90 วันนับตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือ จึงถือว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้ยื่นฟ้องศาลไว้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีอ้างอิงผิดพลาด: ไม่มีการปิด </ref>
สำหรับป้ายระบุ <ref>
การกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีมติเห็นชอบให้รับโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ.9) เทียบเท่าผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564[25]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2560 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[26]
- พ.ศ. 2556 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[27]
- พ.ศ. 2558 –
เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[28]
- พ.ศ. 2560 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[29]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 เลขประจำตัว 17592 รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2560 สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ
- ↑ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ตำรวจดำรง 254 ตำแหน่ง-"บิ๊กโจ๊ก" นั่ง ผบช.สตม.เต็มตัว
- ↑ ตั้ง 'สุรเชษฐ์ หักพาล' นั่งผู้ช่วยโฆษก 'ประวิตร' ช่วยด้านกฎหมาย
- ↑ “ประวิตร”ตั้ง”สุรเชษฐ์”ผช.โฆษกรองนายกฯ
- ↑ 5.0 5.1 5.2 ด่วน!”บิ๊กตู่”ใช้ม.44 โอน”บิ๊กโจ๊ก”เป็นขรก.พลเรือน นั่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกฯ โดนสอบด้วย
- ↑ คำสั่ง หัวหน้าคสช. โอนย้าย"บิ๊กโจ๊ก" เป็นข้าราชการพลเรือน
- ↑ ชะตาชีวิต "นายพล" คนดัง "สุรเชษฐ์ หักพาล" ในเส้นทางสีกากีก่อนถูกสั่งย้ายด่วนเข้ากรุ
- ↑ 8.0 8.1 8.2 ย้อนอ่าน เส้นทาง ‘พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล’ ฉายา ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ ก่อนเป็น ขรก.พลเรือน
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 เส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจ
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (หน้า ๑๐)
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (หน้า ๑๐)
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (หน้า ๑๓)
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (หน้า ๑๖)
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจชั้นนายพล
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (หน้า ๙)
- ↑ หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งเด้ง "บิ๊กโจ๊ก" พ้น สตช. ไปเป็น ขรก. พลเรือน
- ↑ ระทึก ! บุกยิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
- ↑ “บิ๊กโจ๊ก” หักพาล ออกจากกรุทำเนียบ ท้ารบ “บิ๊กแป๊ะ”
- ↑ ไขปม บิ๊กแป๊ะ VS บิ๊กโจ๊ก เอาใจ 'นายยี้ห้อย' ปูทางการเมือง
- ↑ ยังไม่รู้มือยิงรถ ‘พล.ต.ท.สุรเชษฐ์’-ชุดสืบสอบบอก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่ห่วงรถเท่าไหร่ โยงแต่ไบโอแมตริกซ์
- ↑ เบื้องลึก เบื้องหลัง ยิงรถ “บิ๊กโจ๊ก”
- ↑ บิ๊กช้างย่องเงียบ ดอดรายงานตัว หึ่ง‘โจ๊ก’งานเข้า
- ↑ อาชญากรรม | หนีร้อนไปพึ่งเย็น “บิ๊กโจ๊ก” ลาบวช ศึก “สีกากี” นี้วุ่นวายหนอ?
- ↑ "สุรเชษฐ์ หักพาล" เริ่มงานพรุ่งนี้ ย้อนประวัติสำนักปทุมวัน บิ๊กตร. ย้ายไป ย้ายกลับมาใหญ่กว่าเก่า ไม่ใช่คนแรก!
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,[http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/B/047/1.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๐] หน้า ๑๗๓ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๗ ข, ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๖ หน้า ๕ เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๑๑ ข, ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน หน้า ๒๓ เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๗ ข, ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา หน้า ๓ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๕๒ ข, ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐